สรุปจากหนังสือ 3 เล่ม




ศักยภาพการผลิตกุ้งของไทย 
          
ปัจจุบันไทยผลิตกุ้งได้ 5 แสนตันต่อปี ผลผลิตส่วนใหญ่ 80% หรือ 4 แสนตัน ใช้เพื่อการส่งออก สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้กว่า 9 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกกุ้งรวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกเหนือคู่แข่งอย่างเวียดนาม จีน อินโดนีเซีย และอินเดีย (อมร, 2553)


ราคากุ้งที่ส่งออก 

          
ราคาส่งออก FOB พบว่า ราคาส่งออก กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลงจากกิโลกรัมละ 215.37 บาท ในปี 2551 เป็นกิโลกรัมละ 211.64 บาทในปี 2552 คิดเป็นร้อย ละ 1.73 ซึ่งการที่ราคาส่งออกในรูปเงินบาทจะเพิ่มหรือลดนั้น นอกจากจะขึ้นกับราคาในตลาดโลกแล้วยังขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอีกด้วย โดยแนวโน้มราคาส่งออกในปีนี้ (2553) จะลดลงเพราะค่าเงินบาทแข็งตัวอย่างต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตามปัจจัยของปริมาณผลผลิตก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดเช่นกัน เนื่องจากผลผลิตในปีนี้ลดลงจากปัญหาโรคขี้ขาว ดังนั้นจึงเห็นว่าราคารับซื้อกุ้งภายในประเทศยังคงตัวอยู่
หมายเหตุ: FOB (Free on Board) = F.A.S + Export Handling Charge เป็นราคาที่รวมค่าใช้จ่ายทุกชนิดเช่น ค่าบรรจุหีบห่อ ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตลอดจนค่ายกสินค้า ลงเรือ ตั้งแต่โรงงานจนถึงสินค้าขึ้นเรือ ณ ท่าเรือต้นทางอย่างเรียบร้อย หรือเครื่องบิน
ตลาด
          
ตลาดส่งออกกุ้งของไทยที่สำคัญอันดับ 1 ได้แก่ สหรัฐ ญี่ปุ่น  แคนาดา เป็นต้น โดยประเทศที่ไทยส่งออกกุ้ง 10 อันดับแรกแสดงไว้ในตาราง


มูลค่าการส่งออกกุ้งแช่แข็งและแปรรูปของไทยไปยังประเทศต่างๆ ระหว่าง พ.ศ. 2549-2550

หน่วย: ล้านเหรียญสหรัฐ


ประเทศ
2549
2550
สหรัฐอเมริกา
1,015.95
943.41
ญี่ปุ่น
306.21
305.10
แคนนาดา
91.60
130.58
เกาหลีใต้
60.2
67.58
เยอรมัน
23.87
56.62
อังกฤษ
20.85
56.01
ออสเตรเลีย
40.73
48.01
เบลเยี่ยม
15.88
25.11
ฮ่องกง
23.28
23.99
รัสเซีย
4.62
15.96



สถานการณ์การส่งออกกุ้งของไทย

          
สำหรับในปีนี้คาดว่าการส่งออกกุ้งไทยมีโอกาสขยายตัวโดดเด่นต่อเนื่องจากปัจจัยบวก ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความได้เปรียบประเทศคู่แข่ง จากรายงานของบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า ในปี 53 มูลค่าการส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์จะขยายตัวได้ประมาณ 25% หรืออาจสูงกว่านี้ หากมีปัจจัยทางด้านราคาเป็นตัวช่วยหนุนให้มูลค่าการส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้นไปอีก นอกเหนือไปจากปัจจัยความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่สหรัฐอเมริกาที่กำลังเผชิญกับปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในรัฐหลุยส์เซียน่าที่ถือเป็นแหล่งทำประมงสำคัญที่มีมูลค่าการผลิตอาหารทะเลประมาณ 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือ 79,200 ล้านบาท มีสัดส่วนเป็น 1 ใน 3 ของผลผลิตอาหารทะเลทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา และยังเป็นแหล่งผลิตกุ้งได้ปีละประมาณ 45 ล้านกิโลกรัม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69 ของปริมาณการผลิตกุ้งทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา

          
ศูนย์วิจัยกสิกรยังระบุว่า หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการรั่วไหลของน้ำมันจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารทะเลของสหรัฐอเมริกา ทำให้ผลผลิตกุ้งของสหรัฐอเมริกามีปริมาณลดลงประมาณ 45,000 ตันในปีนี้ ขณะที่ความต้องการนำเข้ากุ้งและผลิตภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกาก็ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อชดเชยกับปริมาณผลผลิตที่ลดลง และไทยยังจะได้รับอานิสงส์จากการส่งออกไปยังตลาดที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณผลผลิตกุ้งของสหรัฐอเมริกาที่ลดลง อาทิ ตลาดยุโรปและญี่ปุ่น เพราะถือเป็นตลาดส่งออกในอันดับต้นของไทยอยู่เดิม ทำให้ต้องนำเข้ากุ้งจากไทยเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากปัจจัยด้านเศรษฐโลกที่เริ่มฟื้นตัว ยังคงมีปัจจัยสำคัญหลายด้านที่มีส่วนช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรมการส่งออกกุ้งของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 53 ขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง คือ ปริมาณผลผลิตกุ้งของคู่แข่งทั้งในอินโดนีเซียและบราซิลที่ลดลงจากปัญหาการระบาดของโรคไวรัสกล้ามเนื้อขุ่น (IMN) ในช่วงปี 2552 ต่อเนื่องถึงปีนี้ โดยเฉพาะอินโดนีเซียซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญในการส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์ไปตลาดสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลให้ผลผลิตกุ้งของทั้ง 2 ประเทศมีปริมาณลดลงไปอย่างน้อยประมาณร้อยละ 40 จึงเป็นโอกาสดีที่ไทยจะสามารถขยายปริมาณการส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์เข้าไปทดแทนในตลาดที่ได้รับผลกระทบ

          
นอกจากนี้การที่สหรัฐอเมริกาประกาศพิจารณาการเก็บภาษีเอดีจากไทยใหม่ จึงอาจมีโอกาสที่ไทยจะเสียภาษีเอดีในอัตราที่ต่ำลงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งในการพิจารณาเบื้องต้นระบุอัตราภาษีเฉลี่ยทั้งประเทศที่เรียกเก็บจากไทยร้อยละ 3.19 ซึ่งลดลงจากการพิจารณารอบที่แล้ว และด้วยปัญหาด้านผลผลิตกุ้งของสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มลดลงมากในปีนี้ จึงอาจมีส่วนช่วยผลักดันให้การพิจารณาอัตราการจัดเก็บภาษีเอดีของสหรัฐอเมริกาในรอบนี้เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยมากขึ้นด้วย รวมทั้งการขยายช่องทางการส่งออกของผู้ประกอบการที่เน้นขยายตลาดอาหารทะเลไปยังประเทศในแถบแอฟริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และรัสเซีย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ในประเทศแอฟริกาใต้จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ความต้องการบริโภคอาหารทะเลเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งจากภาคบริการ ภาคการท่องเที่ยว และธุรกิจร้านอาหารต่างๆที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

          
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปี 2553 จะเป็นปีที่เอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมกุ้งของไทย แต่ก็ยังมีประเด็นที่เกษตรกรและผู้ประกอบการต้องระวังคือ ปริมาณผลผลิตกุ้งที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลาดในช่วงปลายปีจากการเร่งผลิต เนื่องด้วยราคาที่จูงใจ และอาจทำให้กุ้งที่ผลิตได้มีขนาดตัวเล็กไม่ได้คุณภาพ ดังนั้นเกษตรกรและผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญในด้านการเพาะเลี้ยง โดยเน้นที่คุณภาพและขนาดกุ้ง รวมทั้งควรให้ความสำคัญในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และความปลอดภัยในด้านการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์/การบรรจุ/ระบบการขนส่ง ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น และต่างหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการควบคุมผลิตภัณฑ์นำเข้า ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยต้องเข้มงวดในการป้องกันโรคระบาดในกุ้งจากต่างประเทศไม่ให้แพร่กระจายเข้ามาในไทย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาสการทำตลาดในช่วงนี้ และมีประเด็นที่ต้องเฝ้าจับตา คือ ความผันผวนของค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้น จนส่งผลให้ความสามารถในการส่งออกของไทยด้อยกว่าคู่แข่ง


ตารางการส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งกุลาดำ พ.ศ. 2551-2553

ปริมาณ: ตัน / มูลค่า: ล้านบาท


ผลิตภัณฑ์
พ.ศ. 2551
พ.ศ. 2552
พ.ศ. 2553
ปริมาณ
มูลค่า
ปริมาณ
มูลค่า
ปริมาณ
มูลค่า
กุ้งแช่แข็ง
14,283
2,681
11,238
2,355
11,028
1,985
กุ้งต้ม
65
14
36
5
43
5
กุ้งปรุงแต่ง บรรจุภาชนะที่อากาศผ่านเข้าออกไม่ได้
19,127
4,309
16,712
3,748
10,346
2,338
กุ้งปรุงแต่ง ไม่บรรจุภาชนะที่อากาศเข้าออกไม่ได้
142,144
36,970
162,204
43,429
120,365
31,106
กุ้งอื่น
3,049
775
2,617
646
1,871
441
กุ้งแห้ง
157
64
270
77
261
97
รวม
178,825
44,813
193,077
50,260
143,914
35,971


  



บรรณานุกรมหนังสือภาษาไทย

เปล่งศรี อิงคนินันท์.  รายงานการวิจัยการพํฒนาเครือข่ายฐานข้อมูลงานวิจัยกุ้งแห่งชาติ.  
       กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2548.


ปราณิศา เชื้อโพธิ์หัก.  ผลิตภัณฑ์พื้นบ้านจากสัตว์น้ำ.  กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยเกษตศาสตร์,
       ม.ป.ป..


บรรจง เทียนส่งรัศมี. การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล.  กรุงเทพมหานคร : ทบวงมหาวิทยาลัย, 2520.


สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
เรื่องกุ้งๆที่ใครๆก็รู้ โดย อรจิรา บอนน์ อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ http://aboutshrimpp.blogspot.com/.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ http://aboutshrimpp.blogspot.com/